เมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
มูลนิธิทิสโก้ไปไปมอบทุนประกอบอาชีพให้กับนางสมหมาย
พิมพ์ประไพที่อำภอชัยบาดาล
จังหวัดลพบุรี นางสมหมายมีอาชีพรับจ้างซักรีดเสื้อผ้า
และทุนที่มูลนิธิได้มอบให้ในครั้งนั้นประกอบด้วยเครื่องซักผ้า เตารีด ฯลฯ หลังจากนั้นมูลนิธิได้ไปติดตามผลนางสมหมายอีกสองสามครั้ง
ซึ่งก็พบว่านางสมหมายสามารถเพิ่มรายได้จากการประกอบอาชีพขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งการติดตามผลครั้งล่าสุดที่เราได้เห็นว่านี่คือเคสทุนประกอบอาชีพที่ประสบความสำเร็จในปีนี้ทีเดียวค่ะ
หลังจากที่ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิ
นางสมหมายบอกว่า“ทำงานได้เร็วขึ้นมาก
สะดวกสบาย รายได้ก็เพิ่มขึ้นด้วย
เพราะเราขอขึ้นราคาจาก 350
บาทต่อเดือน
เป็น 500
บาทต่อเดือน
ส่วนขาจรก็ชิ้นละ 10 บาทเท่าเดิม”
พอพวกเราได้ทราบอัตราค่าบริการใหม่ของนางสมหมายก็ตกใจเล็กน้อย
เพราะขึ้นมาเป็นร้อยเลย แต่นางสมหมายบอกว่า “ลูกค้าประจำไม่ได้ว่าอะไรเลยเขาเห็นเรามีเครื่องซักผ้าใหม่ มีอุปกรณ์ใหม่ ดูดีขึ้น
เขาก็รู้ว่าเราจะซักเสื้อผ้าให้เขาได้ดีขึ้น
เขาไว้ใจเราด้วย”
จากรายได้ที่เคยได้รับเดือนละประมาณ 4,500 บาท
ปัจจุบันขยับขึ้นมาเป็นประมาณ
10,000
บาทต่อเดือนแล้ว
แต่ก็ยังมีภาระมากมายที่ทำให้นางสมหมายยังไม่สามารถเริ่มมีเงินออม
“บ้านเราก็เช่าเขาอยู่
เดือนละ 1,700 บาท
ค่าน้ำค่าไฟอีก
เดือนหนึ่งมีค่าใช้จ่ายตรงนี้หลายพันบาท
อยู่กัน6คน
มีหลาน3คน
สามี ตัวฉัน และลูกสะใภ้
1คน”
นางสมหมายกล่าว “เราต้องส่งเสียหลานทั้ง 3 คน
ยังเด็กๆ กันด้วย
คนแรกอยู่ ป.6 อีกคนอยู่
ป.5 และคนสุดท้ายอยู่อนุบาล
3
จะเปิดเทอมที
เราก็เริ่มวุ่นวาย
ต้องหาเงินมาซื้อข้าวซื้อของให้
นี่ตอนนี้อาจจะมีลูกสาวกับหลานอีกคนมาขออยู่ด้วยอีก
เพราะเขามีปัญหากับสามีเขา
ถ้ามาอยู่จริงเราก็ต้องดูแลอีก”
นางสมหมายมีลูกชายอีกคนหนึ่ง
แต่ลูกชายทำงานอยู่กรุงเทพฯ
นานๆ จะกลับมาเยี่ยมนางสมหมายและสามี
ส่วนสามีก็มีธุรกิจร้านทำเฟอร์นิเจอร์อยู่ฝั่งตรงข้าม
มีค่าเช่าเดือนละ 2,000 บาท และมีลูกจ้างรายวัน 2 คน
สามีนางสมหมายทำอาชีพนี้มา 10 ปีกว่าแล้ว
ทำงานทุกวันไม่เว้นแม้วันหยุด
รับงานตาม Order ที่ลูกค้าสั่ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้
และมีบริการซ่อมแซมด้วย
ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นหน่วยงานราชการ
อย่างไรก็ตาม
งานของสามีไม่สามารถสร้างรายได้ได้ทุกวัน
ส่วนใหญ่จะต้องมีการลงทุนซื้อไม้ซื้อเครื่องมือ
และจะได้รับเงินเมื่อส่งมอบสินค้า
และยังมีขั้นตอนการจ่ายเงินของราชการอีก
ดังนั้น
กว่าจะได้เงินค่าจ้างก็ต้องรอเป็นเวลาหลายเดือนเลยทีเดียว
ระหว่างที่ไม่มีรายได้
ก็ต้องกู้ยืมเงินจากคนอื่นมาเป็นค่าจ้างลูกจ้างรายวัน
เมื่อได้เงินมาก็นำไปใช้หนี้
และไปซื้อไม้และวัสดุอื่นๆ
สำหรับทำงานต่อไปอีก
แทบจะไม่มีเงินเหลือเก็บ
รายได้ต่อเดือนที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดนั้นทำให้นางสมหมายกลายเป็นผู้ที่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายหลัก ๆ
ในบ้านทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำ
ค่าไฟ ค่าเช่าบ้าน
และยังต้องจัดสรรเงินบางส่วนไปช่วยหนุนร้านทำเฟอร์นิเจอร์ของสามีด้วย
ส่วนเรื่องหนี้สิน
ก็พยายามผ่อนชำระอย่างสม่ำเสมอและไม่กู้เพิ่ม จนตอนนี้เหลืออีกสองงวดก็จะเป็นอิสระจากพวกเจ้าหนี้ทั้งหลายแล้วค่ะเคล็ดลับของนางสมหมายนั้นน่าสนใจมาก
“อดทนและตั้งใจทำ
เขา(มูลนิธิทิสโก้)ให้ของเรามาแล้ว
เราก็ต้องตั้งใจทำ เราต้องทำให้ได้นะ
เพราะต่อๆ ไปเราจะได้มีเงินติดตัว
มีเงินเก็บบ้าง
เราเองก็ตั้งใจที่จะโละหนี้ส่วนของเราให้หมดให้ได้
อีกอย่างเราไม่ต้องไปหาซื้อของแล้วต้องมาผ่อนส่งด้วย
ยิ่งเดี๋ยวนี้รับแต่เงินสด
บางทีก็รับบัตร
แล้วเราเองก็ไม่มีบัตรรูดอะไร
แต่นี้เราได้ของมาฟรีๆ
เราก็ต้องตั้งใจทำให้สมกับที่เขาให้เรามาฟรีๆ”
อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจคือ
นางสมหมายมีการทำบัญชีรายรับรายจ่ายเป็นรายเดือนไว้ด้วยค่ะ
แม้จะเป็นเพียงบัญชีรูปแบบง่ายๆ ทำเองบ้าง ให้สามีช่วยทำบ้าง
เพราะตนเองเขียนหนังสือไม่ค่อยเก่ง
แต่ก็ช่วยให้นางสมหมายเห็นรายรับรายจ่ายของตนเองและครอบครัว
ทำให้เริ่มบริหารเงินได้ถูก
และสามารถดูได้ว่าจะตัดค่าใช้จ่ายอะไรออกไปได้บ้าง
“อย่างร้านทำเฟอร์นิเจอร์ของสามี เราก็เห็นว่ามีค่าจ้างคนงานเท่าไรบ้าง
ไปยืมเงินใครมาบ้าง
ต้องหมุนเงินอย่างไรบ้าง
เมื่อไรจะได้รับเงินจากลูกค้า
มันก็ช่วยได้มากนะ”
“วันนี้เราทำได้
เราก็ภูมิใจของเราเอง
อย่างลูกค้าโทรมาให้ไปรับเสื้อผ้ามาซักรีด
ไม่ว่าจะตอนไหนๆ เราก้อรีบไปรับ
ไม่เกี่ยง เราก็จะคิดว่าวันนี้จะได้เงินแล้วนะ 300-400
บาท
โทรมาก็ต้องรีบไปเอา
เอาเงินไว้ก่อน เราจะคิดแบบนี้
ทำให้เรามุ่งมั่น ตั้งใจ
อดทน จะทำให้เรามีแรงทำ
วันนี้เรายังมีแรง ยังแข็งแรง
เราก็ต้องทำ และทำให้ได้”
นางสมหมายกล่าวทิ้งท้าย
หลายๆ
ท่านอาจจะยังคิดว่าชีวิตของนางสมหมายยังไม่ได้ดีขึ้นเท่าไร
แต่เชื่อเถอะค่ะว่าชีวิตที่ปลอดหนี้นั้นคือชีวิตที่เป็นสุขอย่างยิ่งแล้ว
ภาระครอบครัวของนางสมหมายเองก็ยังมากมายสาหัสอยู่
ไม่ว่าจะเป็นหลานเล็กๆ
หลายคนที่ยังต้องส่งเสีย
และยังมีธุรกิจของสามีที่ต้องประคับประคองกันต่อไป
แต่วันนี้นางสมหมายมีความมั่นใจและความมุ่งมั่นที่จะสู้ต่อไป
ความอดทน ความตั้งใจ
ระเบียบวินัยในการออม
การทำบัญชีรายรับรายจ่าย
จะช่วยให้ทุกคนผ่านพ้นอุปสรรคทางการเงินไปได้อย่างแน่นอนค่ะ
และมูลนิธิจะนำเคสของนางสมหมายไปเป็นตัวอย่างให้กับผู้รับทุนประกอบอาชีพรายอื่นๆ
ต่อไปค่ะ